แบบนี้ไม่ใช่ยึดในความหมายที่เราพูด แต่เป็นการดึงมาเป็นอารมณ์ หรือตั้งเป็นฐาน เหมือนการภาวนา เวลานั่นสมาธิ ไม่ต่างกัน เหมือนหลายๆ คนที่ใช้ลมเป็นฐาน ลูกแก้ว ก็เช่นกัน มันก็นิมิต อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การยึดมั่นถือมั่น หากยึดมั่นถือมั่น นั่นคือการไม่มีสติ ย่อมเป็นอกุศล ก็ผู้ที่ยังละอุปาทานไม่ได้ ยังยึดติดในสักกายะ แต่ได้ไปเกิดเป็นบังบด คนธรรพ์ มนุษย์อุตรกุรุทวีป เป็นเทวดาปุถุชน พรหมปุถุชน ก็ใช่ว่าด้วยอำนาจของอกุศล แล้วท่านว่าทำไม เค้าถึงบอกว่าไม่ให้ยึดดี ไม่ให้ติดดีเพื่ออะไร ทั้งๆ การทำความดี มันก็เป็นกุศล สิ่งนี้ก็เช่นกัน มันคือการยึดกับไม่ยึดของผู้ปฏิบัติเอง เท่านั้น ที่ว่าติดดีนั้นแก้ยาก นั่นคงหมายถึง ดี ในขั้นละเอียดแต่ยังมีตัณหาอุปาทาน เช่นติดในภูมิของสมาธิ ไม่สามารถยกปัญญาพิจารณาให้ก้าวข้ามในวิปัสนูปกิเลส ไม่หยั่งถึงสัจจญาน กิจญาณ กตญาณ อันเป็นญาณหยั่งรู้ในอริยสัจ เช่นบ้างก็คิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว นี้ด้วยอำนาจของวิปัสนูปกิเลส หรือไปบังเกิดในอสัญญีภูมิ อรูปภูมิ เป็นต้น ชวนสนทนาครับ
ที่ว่าไม่ยึด ละวางได้ เหล่านี้มีลักษณะของการไม่ยึด และละวางอย่างไร เช่น เมื่อเกิด ปฏิฆะสัญญา กามสัญญา ปุถุชนย่อมยึดในสัญญาเหล่านั้นอย่างเหนียวแน่น ส่วนอริยบุคคลย่อมเป็นสมุทเฉท เป็นนิโรธะ นั่นแหละความไวของ มหาสติ มหาปัญญา คืออาการอย่างไร
ในขั้นของสติคือการระลึกได้ ย่อมมีความต่างตามภูมิฐาน คือ กำลัง สติของปุถุชนมีอาการอย่างไร สติของพระโสดาบันเป็นอย่างไร สติของพระสกทาคามีเป็นอย่างไร สติของพระอนาคามีเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ผู้เฝ้าพินิจพิจารณาในการงาน ย่อมเห็นความต่างของบันได และรู้ว่าบันไดที่ก้าวมามีกี่ขั้น
โมทนาสาธุ ........ เจ้าคะ จขก ไม่ได้หายไปใหน แอบอ่านอยู่(บอกตรงๆ) เจ้าคะ...... ขอบคุณความรู้เจ้าคะ........เพราะ จขก ช่วงนี้ ต้องรักษาแผ่นหลังเจ้าคะ ช่วงนี้ หันหลังแล้วโดนเจ้าคะ........อิอิ สิ่งที่.....ให้.....และอธิบายมานั้น จขก จะนำไป ปฏิบัติ เจ้าคะ..... ไม่ให้...ท่านต้องผิดหวังเลยเจ้าคะ...... โมทนาบุญใหญ่...... เจ้าคะ
พี่หม้อ..........อย่าพูดมากกกกกกกกกก เงียบไป........เลยยยยยยยยยยยย เดี๋ยวงาน........เข้าาาาา ด้วยความ.........เคารพพพพพ นะจ๊ะ พี่หม้อจ๋า........